การปลูกและการดูแล
การเลือกวิธีการปลูก ระยะปลูกเป็นเท่าใดนั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดของพืชผักที่เกษตรกรเลือกปลูก แต่มีข้อแนะนำ คือ เกษตรกรควรปลูกผักให้มีระยะห่างพอสมควร อย่าให้แน่นจนเกินไป
เพื่อให้มีการระบายอากาศที่ดี เป็นการปรับสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค
นอกจากนี้ควรหมั่นตรวจแปลงอยู่เสมอ โดยอาจเลือกสำรวจเป็นจุดๆ ประมาณ 10-20 จุด/ไร่ ถ้าพบว่ามีการระบาดของโรคและแมลงในระดับที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่พืชผักนั้น ก็ควรดำ เนินการกำ
จัดโรคและแมลงที่พบทันที
จะมีความจําเป็นต่อพืชผักในบางชนิดเท่านั้น
ทั้งนี้เพื่อสร้างความต้านทานโรคให้แก่พืชนั้น
เช่นพืชในตระกูลกะหลํ่าจะต้องการธาตุโบรอนเพื่อสร้างความต้านทานโรคไส้กลวงดํา
มะเขือเทศจะต้องการธาตุแคลเซียมเพื่อสร้างความตานทานโรคผลเน่า เป็นต้น
การใช้กับดักแสงไฟ
เป็นการใช้แสงไฟจากหลอดฟลูออร์เรสเซนต์ (หลอดนีออน) หรือหลอดไฟแบล็คไลท์ ล่อแมลงในเวลากลางคืน
เช่น ผีเสื้อ หนอน กระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก
ให้มาเล่นไฟและตกลงในภาชนะที่บรรจุนํ้ามันเครื่องหรือนํ้าที่รองรับอยู่ด้านล่าง
การติดตั้งกับดักและแสงไฟจะติดตั้งประมาณ 2 จุด/พื้นที่ 1 ไร่โดยติดตั้งให้สูงจากพื้นดินประมาณ 150 เซนติเมตร
และให้ภาชนะที่รองรับอยู่ห่างจากหลอดไฟ 30 เซนติเมตรและควรปิดส่วนอื่นๆ
ที่จะทําให้แสงสว่างกระจายเป็นบริเวณกว้างเพื่อล่อจับแมลงเฉพาะในบริเวณแปลง
มิใช้ล่อแมลงจากที่อื่นให้เข้ามาในแปลง
การใช้พลาสติกหรือฟางข้าวคลุมแปลงปลูก
เป็นการควบคุมปริมาณวัชพืชและเก็บรักษาความชื้นในดินไว้ได้นาน
ทําให้ประหยัดนํ้าที่ใช้รดแปลงผัก การใช้พลาสติกหรือฟางข้าวคลุมแปลงปลูกนี้
ควรใช้กับพืชผักที่มีระยะปลูกแน่นอน
ในแปลงที่พบการระบาดของโรคที่มีเชื้อไวรัสเป็นสาเหตุ
และมีเพลี้ยอ่อนหรือแมลงเป็นพาหะ แนะนําให้ใช้พลาสติกที่มีสีเทา-ดํา
โดยให้ด้านที่มีสีเทาอยู่ด้านบน
เนื่องจากสีเทาจะทําให้เกิดจากสะท้อนแสงจึงช่วยไล่แมลงที่เป็นพาหนะได้
การใช้สารสกัดจากพืช
พืชที่นิยมนํามาใช้สกัดเป็นสารควบคุมโรคและแมลง
คือ สะเดา เนื่องจากในสะเดามีสารอะซาดิแรคติน
(Azadirachtin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการป้องกันและกําจัดแมลงได้โดย
• สามารถใช้ฆ่าแมลงได้บางชนิด
• ใช้เป็นสารไล่แมลง
• ทำให้แมลงไม่กินอาหาร
• ทำให้การเจริญเติบโตของแมลงผิดปกติ
• ยับยั้งการเจริญเติบโตของแมลง
• ยับยั้งการวางไข่และการลอกคราบของแมลง
• เป็นพิษต่อไข่ของแมลงทําให้ไขไม่ฟัก
• ยับยั้งการสร้างเอนไซม์ในระบบย่อยอาหารของแมลง
วิธีการใช้ คือ นำเอาผลสะเดาหรือสะเดาที่บดแล้ว 1 กิโลกรัม แช่ในนํ้า 20ลิตร ทิ้งค้างคืนไว้ 1 คืน
แต่ถ้าเกษตรกรมีเครื่องกวนส่วนผสมดังกล่าว ก็จะลดเวลาเหลือเพียง 3-4 ชั่วโมง
จากนั้นกรองเอาแต่นํ้ามาผสมด้วยสารจับใบประมาณ 1ช้อนโต๊ะ
แล้วนําไปรดพืชผักทันทีส่วนกากของสะเดาที่เหลือให้นําไปโรยโคนต้นเพื่อปรับปรุงสภาพดิน
และกําจัดแมลงในดินได้อีกด้วย
ข้อควรระวัง พืชบางชนิดเมื่อได้รับสารนี้แล้วอาจเกิดอาการใบไหม้เหี่ยวย่นหรือต้นแคระแกร็น
ดังนี้เมื่อพบอาการต่างๆ เหล่านี้ก็ควรจะงดใช้สารสกัดจากสะเดาทันที
home